แม้ว่าตลาดรถยนต์ในประเทศไทยจะซบเซาลงส่งผลให้ยอดยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 100% ลดลงถึง 8% ผลจากภาวะเศรษฐกิจและระบบการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น อย่างไรก็ตามหากมองอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของโลกเรียกได้ว่ายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในปี 2024 ที่เติบโตขึ้นกว่าปี 2023 ถึง 14%
การที่จะมองภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างชัดเจนก็จำเป็นต้องมีข้อมูลที่ทำให้เรามองเห็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้แบบทั้งหมด ดังนั้นบทความนี้เราจึงนำการจัดอันดับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2024 ทั้งปีโดยเปรียบเทียบกันระหว่างตลาดโลกและตลาดไทยให้ได้ดูกันพร้อมกับวิเคราะห์ภาพรวมของทั้ง 2 ตลาดว่า รถยนต์รุ่นไหน แบรนด์ไหนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดบ้าง
ภาพรวมตลาดโลก EV โต 26% PHEV มาแรง

ในปี 2024 รถยนต์ EV ในตลาดโลกที่รวมทั้ง BEV และ PHEV สามารถทำยอดขายทั่วโลกได้มากถึง 17,232,066 คันนับเป็นปีแรกที่ทำยอดได้ทะลุ 17 ล้านคันเติบโตขึ้น 26% จากปี 2023 ที่ผ่านมา
ที่น่าสนใจก็คือยอดจดทะเบียนรถยนต์ PHEV ทั่วโลกในปี 2024 เติบโตขึ้นถึง 53% เทียบกับปี 2023 ที่ผ่านมา และยอดจดทะเบียนคิดเป็นสัดส่วน 37% ของยอดขาย EV ทั้งหมดหรือมียอดราว 6.3 ล้านคันของทั้งโลก ส่วนยอดจดทะเบียน BEV นั้นเพิ่มขึ้นราว 14% จากปีก่อนหน้า สำหรับสัดส่วน EV (BEV+PHEV) ต่อยอดขายรถยนต์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 22% แล้วในเวลานี้ โดยยอดขายรถยนต์รวมทั่วโลกอยู่ที่ราว 78 ล้านคัน
จัดอันดับแบรนด์ EV ยอดนิยมทั่วโลก

อุตสาหกรรม EV ยังแข่งขันดุเดือด
หากนับ ยอด BEV และ PHEV เข้าด้วยกัน แบรนด์ BYD ยังคงเป็นแบรนด์ที่ทำยอดขายได้เป็นอันดับ 1 ของโลก ด้วยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุดทั่วโลกในปี 2024 ด้วยยอดขาย 4,063,350 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 23.6% และขยายช่องว่างจาก Tesla ซึ่งเป็นอันดับ 2 มากขึ้นกว่า 2 ล้านคัน ทำให้ความเป็นผู้นำของ BYD ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีความแข็งแกร่งมากๆก็ว่าได้
จากยอดขายในปี 2024 Tesla ยังคงเป็นอันดับ 2 แต่ส่วนแบ่งตลาดลดลงด้วยยอดขาย 1,789,226 คัน แต่ส่วนแบ่งตลาดลดลงเหลือ 10.4% จากเดิมที่เคยสูงถึง 17% ในปี 2019 บ่งชี้ว่า Tesla จำเป็นต้องพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อรักษาการเติบโตในตลาดเอาไว้ให้ได้
นอกจาก BYD และ Wuling (อันดับ 3) แล้ว ยังมีแบรนด์จีนอื่นๆ ที่เติบโตอย่างโดดเด่น เช่น Geely (อันดับ 4), Li Auto (อันดับ 6), Aion (อันดับ 8), AITO (อันดับ 9), Leap Motor (อันดับ 12), Deepal (อันดับ 19) และ Changan (อันดับ 20) รวมแล้วแบรนด์จีนครองสัดส่วนถึง 11 จาก 20 อันดับแรก แสดงถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของแบรนด์จีนในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลก
แม้แบรนด์จีนจะมาแรง แต่ “แบรนด์ดั้งเดิม” บางรายก็เริ่มปรับตัวและมียอดขายที่ดีขึ้น เช่น BMW (อันดับ 5), Volkswagen (อันดับ 7), Mercedes (อันดับ 10), Volvo (อันดับ 11) และ Kia (อันดับ 13) โดยเฉพาะ Toyota (อันดับ 14) ที่เติบโตถึง 69% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และไต่อันดับขึ้นมาถึง 5 อันดับ แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ดั้งเดิมเหล่านี้เริ่มกลับมาให้ความสำคัญกับตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

Toyota สร้างเซอร์ไพรส์: Toyota เป็นแบรนด์ดั้งเดิมที่สร้างเซอร์ไพรส์ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าปี 2024 แม้จะมีกระแสข่าวที่ไม่ดีเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota แต่ยอดขายกลับเติบโตอย่างมาก โดยมีรถยนต์ไฟฟ้าถึง 6 รุ่นที่มียอดขายเกิน 10,000 คันในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ Toyota ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกมองข้ามไป
แบรนด์ดั้งเดิมหลุดจาก Top 20: Jeep และ Ford เป็นสองแบรนด์ดั้งเดิมที่หลุดจาก Top 20 ในปี 2024 ทำให้สัดส่วนของแบรนด์ดั้งเดิมใน Top 20 ลดลงเหลือ 8 แบรนด์ ในขณะที่แบรนด์จีนกลายเป็นกลุ่มหลักในตาราง
สำหรับ แนวโน้มที่น่าสนใจในปี 2025 BYD มีแนวโน้มที่จะขยายตลาดไปต่างประเทศมากขึ้นในปี 2025 เนื่องจากตลาดในประเทศจีนเริ่มอิ่มตัว การเติบโตของ BYD ในตลาดโลกจะเป็นเรื่องที่น่าจับตามองอย่างใกล้ชิด ส่วน Tesla จำเป็นต้องเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์ขนาดเล็กราคาเข้าถึงง่าย เพื่อกลับมาเติบโตและชิงส่วนแบ่งตลาดคืนในปี 2025
จัดอันดับรถ EV รุ่นยอดนิยม 2024

Tesla Model Y ยังคงเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ขายดีที่สุดในโลกประจำปี 2024 ด้วยยอดจดทะเบียนเกือบ 1.2 ล้านคัน ครองตำแหน่งแชมป์เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน และใกล้จะเทียบเท่าสถิติรถยนต์ไฟฟ้าที่ครองแชมป์มากที่สุดอย่าง Nissan Leaf และ Tesla Model 3 แล้ว แต่แม้จะยังคงเป็นอันดับ 1 แต่ยอดขายของ Model Y ลดลงเล็กน้อย 3% เมื่อเทียบกับปี 2023 อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2025 กับการปล่อย Model Y รุ่นใหม่ออกมาล่าสุด

BYD Song คว้าอันดับ 2: BYD Song (รวมรุ่น BEV และ PHEV) ยังคงอยู่ในอันดับ 2 ด้วยยอดจดทะเบียน 739,000 คัน เติบโตขึ้น 16% จากปี 2023 และทิ้งห่าง Tesla Model 3 อย่างสบายๆ
Tesla Model 3 อันดับ 3 ยอดขายทรงตัว: Tesla Model 3 อยู่ในอันดับ 3 ด้วยยอดจดทะเบียน 533,000 คัน ซึ่งเป็นยอดขายที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่การเติบโตค่อนข้างน้อย (เพิ่มขึ้นเพียง 4,000 คัน) และส่วนแบ่งตลาดลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2019 บ่งชี้ถึงอายุตลาดที่มากขึ้นของ Model 3 และการแข่งขันที่สูงขึ้น
BYD Seagull มาแรง: BYD Seagull/Dolphin Mini ไต่อันดับขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ด้วยยอดจดทะเบียน 489,000 คัน เติบโตถึง 93% จากปี 2023 และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2025 จนอาจจะแซงหน้า Tesla Model 3 ในปี 2025 ทั้งนี้ BYD มีรถยนต์ไฟฟ้าติดอันดับ Top 20 ถึง 10 รุ่น และ 7 ใน 10 อันดับแรก แสดงถึงความแข็งแกร่งอย่างมากของ BYD ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

Wuling ยังคงมาแรงในกลุ่มรถเล็ก: Wuling HongGuang Mini EV และ Wuling Bingo ยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด โดยขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 7 และ 12 ตามลำดับ ส่วน AITO และ Li Auto แบรนด์น้องใหม่สามารถส่งรถยนต์ไฟฟ้าติดอันดับ Top 20 ได้สำเร็จ โดย AITO มี M7 และ M9 อยู่ในอันดับ 14 และ 18 ส่วน Li Auto มี L6 อยู่ในอันดับ 15
รถยนต์ไฟฟ้าของ Volkswagen (ID.4 และ ID.3) และ Aion Y มียอดขายลดลงและอันดับร่วงลงอย่างเห็นได้ชัดส่วนแบรนด์ดั้งเดิมเหลือเพียง VW ที่เหลือเพียง 2 รุ่นใน Top 20 คือ VW ID.4 และ ID.3 ลดลงจาก 4 รุ่นในปี 2022 บ่งชี้ถึงความท้าทายที่แบรนด์ดั้งเดิมต้องเผชิญในการแข่งขันกับแบรนด์จีนในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
แนวโน้มปี 2025 คาดการณ์ว่า Tesla Model 3 อาจจะหลุดจาก Top 3 ในปี 2025 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017 เนื่องจากยอดขายอาจทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย และถูกแซงหน้าโดย BYD Seagull ที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องนอกจากนี้แบรนด์จีนจะยังคงเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และมีการแข่งขันกันเองที่เข้มข้นมากขึ้น รวมถึงการแข่งขันกับแบรนด์ดั้งเดิมที่พยายามปรับตัวเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
BEV ไทยยอดตก 8% PHEV โต 17%
ยอดจดทะเบียน EV รวมยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า BEV และ PHEV ในไทย ปี 2024 อยู่ที่ 133,321 คันสำหรับยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ในไทย ปี 2024 สรุปอยู่ที่ 70,137 คันยอดตกลงจากปีก่อนหน้า 8.1% อย่างไรก็ตามแม้ตลาด BEV จะหดตัว แต่การลดลงยังน้อยกว่าตลาดรถยนต์โดยรวมของไทยที่ลดลงถึง 26% แสดงให้เห็นว่า แม้เศรษฐกิจซบเซา ตลาด BEV ยังคงมีความต้องการอยู่บ้าง
ส่วนยอดจดทะเบียนรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ในไทย ปี 2024 อยู่ที่ 63,184 คัน คิดเป็นสัดส่วน 47% ของยอดจดทะเบียนรถ EV ทั้งหมดในประเทศไทย โดยหากนับยอด PHEV อย่างเดียวเติบโตขึ้นถึง 17% จากปี 2023
สำหรับสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ในประเทศไทยอยู่ที่ 14% สัดส่วนรถยนต์ PHEV อยู่ที่ 12% สัดส่วนรถยนต์ BEV+PHEV อยู่ที่ 26% จากยอดจดทะเบียนรถยนต์ทั้งหมดในประเทศไทย 502,077 คัน
10 อันดับแบรนด์ BEV ยอดจดทะเบียนสูงสุด2024

ตลาด BEV ในไทย Volvo มาแรง BYD ยังแชมป์
ตลาด EV ในไทยหดตัวลง: ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) รวมในปี 2024 อยู่ที่ 70,137 คัน ซึ่งลดลง 8.1% เมื่อเทียบกับปี 2023 ที่มียอดจดทะเบียน 76,314 คัน แสดงให้เห็นว่าตลาด EV ในไทยมีการชะลอตัวลงในปี 2024 ซึ่งเหตุผลก็มาจากสภาพเศรษฐกิจและระบบการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากกว่าเดิม
ที่น่าสังเกตุคือยอดจดทะเบียนลดลงเกือบทุกแบรนด์เมื่อเทียบกับปี 2023 โดยเฉพาะ MG, NETA, Tesla และ ORA ที่มียอดจดทะเบียนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (มากกว่า 28%) ส่วน BYD แม้จะยังคงเป็นแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในตลาด EV ไทย (38.5%) แต่ยอดจดทะเบียนของ BYD เองก็ลดลง 11.9% เมื่อเทียบกับปี 2023 แม้จะยังเป็นผู้นำ แต่ก็เผชิญกับความท้าทายในตลาดที่ชะลอตัว

มีเพียงบางแบรนด์ที่สามารถเติบโตสวนกระแสได้ในปี 2024 ได้แก่ Volvo, BMW และ Wuling โดย Volvo มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นที่สุด (+40.2%) ตามมาด้วย Wuling (+44.8%) และ BMW (+5.7%) แสดงให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของแบรนด์เหล่านี้ในตลาด EV ไทย
ChangAn และ Aion เป็นแบรนด์ที่น่าจับตามองในปี 2024 เนื่องจากทั้งสองแบรนด์มียอดจดทะเบียนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปี 2023 (จาก 2 คัน และ 89 คัน ในปี 2023 มาเป็น 5,912 คัน และ 5,185 คัน ในปี 2024 ตามลำดับ) และสามารถเข้ามาอยู่ใน Top 5 ของแบรนด์ EV ที่มียอดจดทะเบียนสูงสุดในไทยได้สำเร็จ