1. Honda e:NS1 2023

อีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าจับตามองในปีนี้ Honda เปิดตัวรถใหม่ 2023 มาพร้อมกับรถใหม่ ที่เตรียมนำเข้ามาในประเทศไทยแล้ว กับ Honda e:NS1 หรือ Honda HR-V EV รถยนต์ไฟฟ้า 100% ตัวถังมาในรูปแบบรถเอสยูวีขนาดกลาง ซึ่ง Honda e:NP1 / e:NS1 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีพื้นฐานมาจากรถร่วมค่ายอย่าง HR-V โดยเทียบขนาดแล้วก็ถือว่าใกล้เคียงกันมาก ดีไซน์แตกต่างเพียงกันชนหน้าและหลัง ถ้าอ้างอิงจากราคาจำหน่ายที่ประเทศจีน คาดการณ์ราคาขายในไทยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,200,000-1,300,000 บาท หลังหักส่วนลดแล้ว
สำหรับ Honda e:NS1 มีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Standard Range แบตเตอรี่ Ternary Lithium-ion ขนาด 53.6 kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 420 km. ต่อการชาร์จ (มาตรฐาน CLTC) ความเร็วสูงสุด Top Speed 150 km/h และอีกรุ่น คือ Long Range มากับแบตเตอรี่ Ternary Lithium-ion ขนาด 68.8 kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 510 km. ต่อการชาร์จ (มาตรฐาน CLTC) ความเร็วสูงสุด Top Speed 150 km/h
2. Ford Ranger PLATINUM 2023

ก้าวไปอีกหนึ่งขั้นกับรถกระบะสัญชาติอเมริกันขวัญใจคนไทย Ford Ranger ครั้งนี้ Ford ประเทศไทย เตรียมเปิดตัวรถใหม่อีกหนึ่งรุ่น กับ Ford Ranger PLATINUM โดยจะเป็นรุ่นที่เพิ่มความพรีเมียม หรูหรามากขึ้นกว่ารุ่น WILDTRAK ที่ขายไปก่อนหน้านี้ สำหรับความหรูหราที่เพิ่มขึ้นมาของฟอร์ด เรนเจอร์ แพลทินัม คันนี้ ตัวอย่างเช่น ระบบเสียงจากแบรนด์ Bang & Olufsen พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง และ เบาะนั่งพร้อมระบบบันทึกความจำตำแหน่ง Memory Seat เป็นต้น โดยคาดการณ์ราคาขายในไทยน่าจะไม่ต่ำกว่า 1,300,000 บาท
Ford Ranger PLATINUM มาพร้อม 2.0 Bi-Turbo DIESEL เครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบคู่ (ทำงานร่วมกันระหว่าง High-Pressure (HP Turbo) เทอร์โบแรงดันสูง และ Low-Pressure (LP Turbo) เทอร์โบแรงดันต่ำ ควบคุมด้วยวาล์ว Bypass) กำลังสูงสุด 210 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมระบบ Terrain Management
3. Honda City Minorchange 2023

Honda City รุ่นปรับโฉม Minorchange ได้ถูกนำมาวิ่งทดสอบบนถนนแล้วทั้งในประเทศไทยและประเทศอินเดีย โดยคาดการณ์ว่า honda city 2023 เปิดตัว ในปี 2023 นี้ ช่วงกลางเดือนกรกฏาคม และจากรูปที่หลุดออกมาพบว่าเป็น Honda City รุ่น Sedan หรือรุ่น 4 ประตู โดยมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์กระจังหน้าและหลัง ดีไซน์ล้ออัลลอยก็แตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย แต่สิ่งที่น่าจะเหมือนเดิมคือเครื่องยนต์ที่เหมือนกับรุ่นปัจจุบัน นั่นคือ เครื่องยนต์เบนซิน Turbo 3 สูบ ขนาด 1.0 ลิตร ระบบแปรผันวาล์ว ทั้งแบบ VTEC และ Dual VTC พ่วงเทอร์โบ กำลังสูง 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า
และอีกรุ่นหนึ่ง คือเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid 4 สูบ 16 วาล์ว 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 98 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กำลังสูงสุด 109 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ผสานกับเกียร์อัตโนมัติ e-CVT
4. All-New Honda Accord 2023

Honda Accord เจเนอเรชันที่ 11 เปิดตัวแล้วในประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับรถใหม่อย่าง Honda Accord 2023 ได้มีการปรับดีไซน์ใหม่ให้ดูล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ในขณะที่จะมีเครื่องยนต์ 2 แบบให้เลือกด้วยกัน ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 Turbo กำลังสูงสุด 192 แรงม้า และเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 207 แรงม้า ด้านข้างตัวรถจนถึงตอนหลังมีการปรับเปลี่ยนให้ลาดลงแบบสไตล์รถยนต์ฟาสต์แบ็ก ดูเท่มากยิ่งขึ้น และมิติตัวถังมีขนาดรถที่ยาวขึ้นกว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย ส่วนดีไซน์ภายในห้องโดยสารก็เรียกว่ายกห้องโดยสารของ Honda Civic FE โฉมล่าสุดมาเกือบทั้งหมดเลยทีเดียว
ในการเปิดตัวครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกา Honda Accord 2023 นี้ วางจำหน่ายด้วยกัน 6 รุ่นย่อย ได้แก่ LX, EX, Sport, EX-L, Sport-L และ Touring ล่าสุดนั้นยังไม่มีการเปิดเผยราคาวางจำหน่าย
5. Toyota Hilux REVO BEV 2023

รถกระบะไฟฟ้า 100% คันนี้ ได้โชว์ตัวแล้วครั้งแรกที่ประเทศไทย ณ งานฉลอง 60 ปี โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยที่ผ่านมาเมื่อไม่นานมานี้ สำหรับรถใหม่ Toyota Hilux REVO BEV มีพื้นฐานมาจากรถกระบะยอดนิยมอย่าง Hilux REVO Standard Cab มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์เล็กน้อย โดยใช้กระจังหน้าแบบปิดทึบ ส่วนแบตเตอรี่นั้นจะติดตั้งอยู่ใต้ท้องรถ ข้อมูลรายละเอียดย่อยอย่างความจุแบตเตอรี่, เครื่องยนต์, ระบบเบรก รวมถึงราคาวางขาย ล่าสุดยังไม่มีการเปิดเผยออกมา คาดว่าน่าจะวางจำหน่ายภายในปี 2023 นี้แน่นอน
6. Honda WR-V 2023

แบรนด์ยอดนิยมคนไทย Honda เปิดตัวรถใหม่ 2023 ด้วยการวางจำหน่าย Honda WR-V รถยนต์เอสยูวีน้องเล็กสุดในแบรนด์ขนาด 5 ที่นั่ง โดย Honda WR-V รุ่นนี้นำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย เน้นดีไซน์ภายนอกที่ดูสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ขับง่าย มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.5 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิกส์ PGM-FI พร้อมระบบแปรผันวาล์ว i-VTEC พละกำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที ทำงานจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
สำหรับ Honda WR-V วางขายในประเทศไทยสองรุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่ 1.5 SV CVT ราคา 799,000 บาท และ 1.5 RS CVT ราคา 869,000 บาท อุปกรณ์พื้นฐานในรุ่นเริ่มต้น อาทิ ไฟหน้า LED, ไฟ Daytime Running Light LED, ไฟท้าย LED, ไฟเลี้ยวด้านหน้า LED Sequential, ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบหน่วงเวลา, หน้าจอสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว เป็นต้น