6. BYD Seal

เปิดตัวให้จองไปแล้วเมื่อวันที่ 28 กันยายนนี้แล้ว! สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทรงซีดานสุดพรีเมี่ยมที่หลายคนรอคอยอย่าง Seal EV เพราะเป็นรถไฟฟ้าที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อท้าชนกับ Tesla Model 3 แบบตรงๆ ด้วยขนาดตัวรถที่ใหญ่กว่า ออปชั่นที่เหนือกว่า ในราคาใกล้เคียงกัน ซึ่ง ราคา BYD Seal ในไทย ที่ออกมานั้นก็บอกได้เลยว่ากระเพื่อมสถานการณ์ตลาดรถไฟฟ้าพอสมควร ทั้งเหตุการณ์ที่ Tesla Model Y ออกมาลดราคาเหลือเพียง 1,699,000 บาทในรุ่นเริ่มต้น รวมทั้ง Model 3 รุ่น Facelift ที่เปิดตัวมาในราคาเริ่มต้นเพียง 1.5 ล้าน

แน่นอนว่า เรื่องของดีไซน์นั้นเน้นความโฉบเฉี่ยว โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ และระบบความปลอดภัยที่จัดเต็มด้วยเซ็นเซอร์เตือนการชนรอบคัน และกล้องรอบคัน ขณะที่ ภายในก็ดูหรูหราด้วยหลังคาแบบพาโนรามิกเต็มบาน ช่วยทำให้ตัวรถดูโปร่ง โล่ง สบาย พร้อมเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าและมีระบบเป่าลมร้อน-เย็นให้ ในขณะที่ หน้าจอเรือนไมล์ของคนขับขนาด 10.25 นิ้วก็บอกข้อมูลการขับขี่ครบครัน ส่วนหน้าจอมัลติมีเดียขนาด 15.6 นิ้วตรงกลางสามารถปรับหมุนได้ แต่ที่เจ๋งสุดๆ คือ ตัวรถมีระบบเชื่อมต่อไร้สาย 5G เป็นของตัวเองอีกด้วย
BYD Seal สเปค
ถ้าอ้างอิงจากรุ่นที่จำหน่ายในญี่ปุ่นซึ่งใช้พวงมาลัยขวาเหมือนบ้านเราแล้ว Seal EV จะแบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่ 5.9s มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง และรุ่น 3.8s มอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยทั้งคู่มาพร้อมแบตเตอรี่ Blade Battery LFP ที่มีขนาดใหญ่มากถึง 82.5 kWh อันเป็นไฮไลท์เด็ดของรถไฟฟ้ารุ่นนี้นั่นเอง
- ขนาดตัวรถยาว 4,800 มิลลิเมตร
- กว้าง 1,875 มิลลิเมตร
- สูง 1,460 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,920 มิลลิเมตร
- ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- ชาร์จกระแสสลับ AC รองรับได้สูงสุด 7 kW
- ชาร์จกระแสตรง DC Fast Charging รองรับได้สูงสุด 150 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 30-80% ภายใน 30 นาที
ทั้งสองรุ่นแตกต่างกันที่จำนวมมอเตอร์ไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อน ทำให้รุ่น 3.8s มีพละกำลังมากกว่าและมีอัตราเร่งที่ดีกว่า แต่ก็มีระยะทางวิ่งที่ลดลงด้วย
สเปค Seal EV Standard
- พละกำลังสูงสุด 308 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร
- ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD)
- มอเตอร์แม่เหล็กถาวร 1 ตัว กำลัง 230 kW
- ระยะทางวิ่งสูงสุด 700 กม. (CLTC)
- อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 5.9 วินาที
สเปค Seal EV Extended
- พละกำลังสูงสุด 523 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 670 นิวตันเมตร
- ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD)
- มอเตอร์แม่เหล็กถาวร 2 ตัว กำลัง 390 kW
- ระยะทางวิ่งสูงสุด 650 กม. (CLTC)
- อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 3.8 วินาที
BYD Seal ราคา ในไทย
ปัจจุบัน BYD Seal EV มีรุ่นย่อย 3 รุ่น ราคาจำหน่ายดังนี้
- Seal DYNAMIC RWD (510 กม.) ราคา 1,325,000 บาท
- Seal PREMIUM RWD (650 กม.) ราคา 1,449,000 บาท
- Seal PERFORMANCE AWD (580 กม.) ราคา 1,599,000 บาท
7. BYD Tang EV

Tang EV อีกระดับของรถยนต์ไฟฟ้า SUV สุดหรู ที่เรียกได้ว่าดูพรีเมียมทั้งแต่การออกแบบภายนอกและภายในTang EV เปิดตัวครั้งแรกในงาน Beijing Auto Show ปี 2014 และขึ้นแท่นรถยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid ที่มียอดขายสูงสุดในประเทศจีน และขายดีที่สุดในโลกในปี 2016 ที่ผ่านมา
Tang EV รุ่นล่าสุดนั้นได้รับการปรับเปลี่ยนโฉมเล็กน้อย จนออกมาเป็น Tang 2023 เป็นรถ Crossover SUV แบบ 6 ที่นั่ง โดยในการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง สามารถวิ่งได้ไกลถึง 730 กม. ซึ่งหากทาง BYD นำเข้าเมืองไทยเมื่อไร เจ้า Tang EV ก็อาจเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถวิ่งได้ระยะทางมากที่สุดในเมืองไทยทันที (ในการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง)

สเปค Tang EV
- ขนาดตัวรถยาว 4,900 มิลลิเมตร
- กว้าง 1,950 มิลลิเมตร
- สูง 1,725 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,720 มิลลิเมตร
- แบตเตอรี่ Blade Battery (LFP) ขนาด 108.8 kWh
- อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 4.4 วินาที
- ระยะทางวิ่งสูงสุด 730 กม. (CLTC)
- ชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 170 กิโลวัตต์ โดยชาร์จ 10 นาทีจะวิ่งได้สูงสุด 140 กม.
*ข้อมูลนี้เฉพาะรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า 2WD
BYD Tang เข้าไทย ราคา
Tang EV เปิดตัวในประเทศจีน ซึ่งราคาคาดการณ์เดิมอยู่ที่ประมาณ 300,000 หยวนถึง 350,000 หยวน คิดเป็นเงินบาทไทยประมาณ 1,544,000 บาทถึง 1,801,900 บาท แต่สำหรับราคาจำหน่ายของ Tang 2023 ในประเทศจีนมีการปรับลดลง โดยจะมีราคาจำหน่ายจริงดังนี้
- รุ่น 600 กม. ราคา 249,800 หยวน (คิดเป็นราคาไทยอยู่ที่ราว 1.22 ล้านบาท)
- รุ่น 730 กม. ราคา 269,800 หยวน (คิดเป็นราคาไทยอยู่ที่ราว 1.3 ล้านบาท)
- รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ระยะทาง 635 กม. ราคา 299,800 หยวน (คิดเป็นราคาไทยอยู่ที่ราว 1.46 ล้านบาท)