รถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายค่ายต่อคิวเดินหน้าพร้อมวางแผนการตลาด สำหรับจัดจำหน่ายในประเทศไทยประมาณปี 2024-2025 ที่จะถึงนี้ ซึ่งต้องบอกเลยว่าเลดี้ก็รอชมข่าวคราวเกาะติดขอบสนามอยู่ตลอด วันนี้เลยรวมเอาโผรถยนต์ไฟฟ้าที่คาดว่าจะเข้าไทยในเร็วๆ นี้ มาอัพเดทเพิ่มเติมให้ชมกันค่ะ
javascript:false
เปิดโผรถยนต์ไฟฟ้าจ่อคิวเข้าไทย 2024-2025
จากเดิมที่เลดี้มีการคาดการณ์เอาไว้ในช่วงปลายปี 2023 ว่ารถยนต์ไฟฟ้า 2024 เข้าไทย มีรุ่นไหนบ้าง มาถึง ณ เวลานี้บอกเลยว่าเหนือความคาดหมาย เพราะมันเยอะกว่าที่คิดไว้หน่ะสิ ซึ่งในปี 2024 นั้นผ่านมาครึ่งปีแล้ว เรามาอัพเดทข้อมูลใหม่ๆ กันดีกว่า ว่าแบรนด์ไหนจะติดโผจ่อคิวเข้าไทยกันบ้าง
AION V
เริ่มต้นกันที่คันนี้เลย ข่าวจริงไม่มีมั่วและไม่ต้องนั่งลุ้น เพราะว่า AION V ของค่าย GAC ออกมาโชว์ตัวคันจริงพร้อมกับเปิดตัวโรงงานในไทยเมื่อวานนี้เอง ซึ่ง AION V เป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนแบบ 100% ที่ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐาน AEP Pure Electric Digital Platform ทำให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างและใหญ่ขึ้น โดยมีมิติตัวถังยาว 4,605 มิลลิเมตร กว้าง 1,854 มิลลิเมตร สูง 1,660 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 2,775 มิลลิเมตร คู่แข่งตรงกับทาง KIA EV5 ที่มีขนาดใกล้เคียงกันมาก คือยาว 4,615 มิลลิเมตร กว้าง 1,875 มิลลิเมตร สูง 1,715 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร
GAC AION V สามารถวิ่งได้ไกลถึง 750 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน CLTC) มาพร้อมกับแบตเตอรี่ 400V รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมจัด Option ให้แบบล้นๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยการขับขี่ ADiGO Pilot ที่ทำงานร่วมกับชิปประมวลผล กล้อง 11 ตำแหน่ง และ LiDAR เทคโนโลยีที่ช่วยสร้าง Location Intelligence รอบคันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอื่นๆ อีกเพียบ โดยที่ GAC AION V วางแผนที่จะประกอบในไทยที่โรงงานจังหวัดระยอง พร้อมจัดจำหน่ายช่วงปลายปี 2024 ที่จะถึงนี้ คาดการณ์ราคาจำหน่ายที่ประมาณ 1 ล้านต้นๆ




XPeng G6
XPeng อ่านเป็นภาษาไทยว่า “เสี่ยวเผิง” ผลิตโดยบริษัทสตาร์ทอัพจากประเทศจีน ซึ่งผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการในประเทศไทยไม่ใช่ใครอื่นไกล “MGC-ASIA” หรือ บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) นั่นเอง ซึ่ง XPeng G6 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่สามารถวิ่งได้ไกล 755 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน CLTC) มาพร้อมกับแบตเตอรี่ 800V โดยมีมิติตัวถังยาว 4,753 มิลลิเมตร กว้าง 1,920 มิลลิเมตร สูง 1,650 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 2,890 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นรถใน Segment เดียวกันกับทาง Tesla Model Y
จุดเด่นของ XPeng G6 คือดีไซน์ที่มีความล้ำสมัย พัฒนาบน Platform SEPA 2.0 ที่ทั้งแข็งแรงและมีน้ำหนักเบา มีเทคโนโลยี Xpeng Navigation Guided Pilot (XNGP) หรือ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ที่ประกอบด้วย Sensors ถึง 31 ตัว และ LiDAR 2 ตัว รวมไปถึง Computing Power มากสุดถึง 508 TOPS (Trillion Operations Per S econd) จากชิปประมวลผลความเร็วสูงของ Dual NVIDIA DRIVE Orin-X อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ ซึ่งคาดการณ์ราคาจำหน่ายในเบื้องต้น เริ่มต้นที่ 1.5 – 1.6 ล้านบาท




JAECOO 6 EV
เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ทาง Chery Automobile วางแผนที่จะนำเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทย โดยมีทั้งรถยนต์ไฟฟ้าล้วนและปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งสำหรับ JAECOO 6 EV เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ประมาณการเข้ามาขายจริงในบ้านเราช่วงปลายปี หรือในไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้
สำหรับในรุ่น JAECOO 6 EV มีความจุพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง 69.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ผลิตพละกำลังสูงสุดที่ 279 แรงม้า แรงบิด 385 นิวตันเมตร ด้วยขนาดตัวถังที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร จึงทำให้สามารถขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลสูงสุด 470 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) ระยะเวลาในการชาร์จกระแสตรง DC จาก 30% – 80% ทำได้ภายใน 30 นาที สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 6.5 วินาที ซึ่งถือว่าน่าประทับใจกับอัตราเร่งที่ทำได้ขนาดนี้ เมื่อเทียบกับขนาดของตัวถัง ส่วนข้อมูลด้านอื่นๆ ต้องรอช่วงเปิดตัวอีกทีค่ะ





Polestar 4
รถไฟฟ้าพรีเมี่ยมจากสวีเดน ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกันกับทาง Volvo Cars โดยถือสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 48.3% บริหารงานโดยผู้บริหารจากแบรนด์ดังชั้นนำระดับโลกจากหลากหลายประเทศ อาทิ Volvo Cars, Mercedes-Benz, Jaguar Land Rover และ NIO โดยที่ทาง Polestar ได้มีการวางแผนที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่น หนึ่งในนั้นก็คือ Polestar 4 มีแว่วมาว่าจะนำเข้าจัดจำหน่ายที่ประเทศไทยเป็นรุ่นแรกๆ ในปี 2025
Polestar 4 มีการออกแบบที่ล้ำสมัยทั้งภายนอกและภายใน มีพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังที่กว้างขวางเป็นพิเศษ ทำให้สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่ง Polestar 4 ถือเป็นรถซีดานที่มีพื้นที่เหนือศรีษะมากพอสมควร ทำให้รู้สึกโล่งโปร่งสบาย วัสดุภายในประกอบด้วยพลาสติกรีไซเคิลในรูปแบบต่างๆ เช่น เบาะหุ้มแบบ Tailored Knit อันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งผลิตจาก PET รีไซเคิล 100% ถักแบบ 3 มิติตามขนาดโดยปราศจากขยะ มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง SuperVision (ADAS) ของ Mobileye และจะเป็นรถยนต์คันแรกที่ใช้ Mobileye Chauffeur ร่วมกับ Luminar LiDAR นอกจากนี้ยังมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำที่สุดในบรรดาพวกพ้อง ระบบส่งกำลังมีทั้งแบบ Single Motor และ Twin Motor ที่ให้กำลังสูงสุด 544 แรงม้า และมีแรงบิด 686 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร /ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 3.8 วินาที